บันทึกความทรงจำโดย โมรีมาตย์ ระเด่นอาหมัด
เขาคือคนแรกที่สร้างความมั่นใจให้ฉันก้าวเดินไปข้างหน้า
คุณสุข สูงสว่างคือ ผู้ให้กำเนิดร้านหนังสือในเครือดวงกมล ซึ่งเป็นเครือข่ายร้านหนังสือเก่าแก่ ขายหนังสือภาษาต่างประเทศที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองไทย อีกทั้งเคยจัดพิมพ์นิตยสารวรรณกรรมระดับตำนานอย่าง โลกหนังสือและวรรณกรรมแปลคลาสสิกจำนวนมาก และเป็นผู้สร้างกระแสให้คนไทยรักการอ่านอย่างจริงจัง
บ้านนอกเข้ากรุง
บ่ายคล้อยปลายเดือนพฤษภาคม 2537 หน้าร้านหนังสือดวงกมล ซอยโรงหนังโอเอ
ชายสูงวัยสวมเสื้อคล้ายเจ็คเก็ตยี่ห้อ “ดวงกมล” เขาสะพายเป้ไว้บนหลัง
“มาหาใครครับ ? ” เขาถามฉัน
“มาสมัครงานค่ะ” ฉันตอบ แต่ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
เขาเรียกพนักงานคนหนึ่งออกมาและให้พาฉันไปเขียนใบสมัครที่ฝ่ายบุคคล
วันรุ่งขึ้นฉันถึงมารู้ว่าเขาคือ คุณสุข สูงสว่าง ประธานบริษัทในเครือ ดี.เค.บุ๊คเฮ้าส์ (D.K. Book House)
เขาเป็นนายใหญ่ ผู้ซึ่งอ่านหนังสือทุกประเภท และเกิดมามีชีวิตเพื่ออ่านหนังสือ และดื่มไวน์
สองสามวันต่อมาคุณสุขเรียกฉันไปที่ห้องทำงานชั้น 3
เขาหยิบโบชัวร์ใบหนึ่งสีเขียวอมฟ้าพิมพ์ด้วยกระดาษอาร์ตอย่างดีให้ฉันอ่าน
ใจฉันเต้นตุ๊บ...ๆ แรงและแรงขึ้นไม่เป็นจังหวะ ตัวหนังสือภาษาอังกฤษ ฉันพยายามอ่านช้าๆ ผิดๆ ถูกๆ ฉันรู้สึกดีขึ้นเมื่อเห็นรูปการ์ตูนน่ารัก เป็นรูปซูเปอร์แมนที่ใบหน้าคือคุณสุข บ่งบอกให้รู้ว่าเขาเป็นคนใจดี ในนั้นเขียนว่า “คุณสุข สูงสว่าง จะเปิดร้านหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ รวบรวมหนังสือทุกประเภทจากทั่วทุกมุมโลก บนเนื้อที่... (เท่าสนามฟุตบอล) จุดประสงค์เพื่อส่งเสริมให้คนไทยรักการอ่าน และต้องการลบคำครหาที่ชาวต่างชาติชอบมองเมืองไทยว่าเป็นเมืองโสเภณี โดยเปลี่ยนความคิดพวกเขาใหม่ให้เป็นเมืองหนังสือแทน
My Superman, Mr. Suk Soongswang
คำสอนของคุณสุขก้องอยู่ในหัว “ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน” ต่อให้จบแค่ ป.4 ก็สามารถทำงานใหญ่ได้ เพียงแต่ให้ทุกคนขยันทำงาน ซื่อสัตย์ อดทน มีความเห็นอกเห็นใจในเพื่อนมนุษย์ เพราะความรักที่มีต่อเพื่อนมนุษย์จะเป็นพื้นฐานที่สามารถทำงานใหญ่และให้ความสุขที่ยันยืนแก่ชีวิตได้
สำหรับฉันแล้ว ดวงกมลเป็นเหมือนบ้าน พวกเรามีคุณตาผู้อารี คือคุณสุข มีพ่อคนขยันที่ทุ่มเททั้งชีวิตอย่าง คุณธเรศ คีรี และคุณสมบูรณ์ สกุลสุทธวงศ์ และมีแม่ผู้เสียสละ และทำงานหนักอย่าง คุณมัลลิกา คีรี แม้ผู้บริหารทุกคนมีงานล้นมือ แต่พวกเขาก็มอบความรัก ความอบอุ่น อบรมสั่งสอนพวกเราเสมือนหนึ่งเป็นลูกหลานในครอบครัว
ย้ายบ้านไปซีคอนสแควร์
เดือนกันยายน 2537 บริษัท ดี.เค. บุ๊คเฮ้าส์ จำกัด ย้ายไปอยู่ชั้น 3 ทางทิศใต้ของ ศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ เป็นร้านหนังสือที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา บนชั้นมีหนังสือมากกว่าล้านปก (แต่ละปกมีอย่างน้อย 5 เล่ม) ฉันกลายเป็นคนรวย (เพื่อน) ในทันที เพราะที่นี่มีพนักงานจำนวนกว่า 200 ชีวิต
พื้นที่ถูกจัดแบ่งเป็นส่วนๆ มีออฟฟิศ, หน้าร้าน, ครัวดวงกมล และห้องกิจกรรม ดวงกมลฟิล์มเฮ้าส์ จัดฉายหนังหาดูยากจากนานาประเทศให้ชมฟรี
ฉันเห็นดาราครั้งแรกคนแล้วคนเล่าที่นี่ และมีทั้งดารา นักร้อง นักเขียน นักการเมือง และอีกหลายสาขาอาชีพ แวะเวียนมาหาขอพรจากคุณสุข อย่าง ต่อ – ต๋อง และอุดม แต้พานิช ...
ทุกๆ วันมีลูกค้าจำนวนมากมาอุดหนุนซื้อหนังสือให้ชื่นใจ เรามีพนักงาน 6 คน ประจำการที่แผนกแคชเชียร์ตรงด้านหน้าของร้าน ทุกคนล้วนบริการประทับใจด้วยรอยยิ้มสดใส แม้จะล่าช้าไปบ้างในวันเสาร์อาทิตย์ และวันหยุดพิเศษ เนื่องจากมีลูกค้าเข้าแถวซื้อหนังสือปริมาณมาก
หนังสือขายได้ – เจ้านายมีความสุข - พวกเราทุกคนก็มีความสุข
ฉันอยู่มุมหนึ่งในส่วนของออฟฟิศ กระดาษแฟกซ์ม้วนแล้วม้วนเล่าถูกบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร สำนักพิมพ์ต่างๆ จากทั่วสารทิศต่างส่งแฟกซ์เสนอหนังสือทุกประเภท จดหมายหลายสิบฉบับมาถึงคุณสุขทุกวัน เอกสารจำนวนมากจำแทบไม่ไหวจนต้องแยกเป็นร้อยๆ แฟ้มเรียงตามตัวอักษร
ห้องประชุมถูกเปิดปิดตลอดเวลา มีรอยนิ้วมือจากตัวแทนสำนักพิมพ์ทั้งไทยและฝรั่ง
ห้องลับแล
คุณสุขมีโต๊ะทำงานทำด้วยไม้ใหญ่มาก ปูด้วยผ้าฝ้ายสีเปลือกไข่ไก่และปล่อยให้ชายผ้าคลุมยาวเกือบถึงพื้น บนโต๊ะเต็มไปด้วยต้นฉบับหนังสือทั้งภาษาไทยและอังกฤษ และเอกสารอื่นๆ ให้คุณสุขพิจารณา... ส่วนด้านข้างมีโต๊ะประชุมทำด้วยไม้เช่นกันแต่ใหญ่กว่าหลายเท่าวางติดกัน และอีกด้านเป็นชั้นหนังสือที่พิมพ์โดยสำนักพิมพ์ดวงกมล
ด้วยความที่คุณสุขเป็นคนง่ายๆ เขาจึงเนรมิตให้ภายใต้โต๊ะทำงานของเขาเป็นอีกโลกส่วนตัว สำหรับพักผ่อนยามเมื่อยล้าจากการทำงาน ข้างในมีเก้าอี้ที่พับได้เพียงตัวเดียวเท่านั้น
สำหรับพนักงานดวงกมลแล้ว คุณสุขคือคนเจ้านายใหญ่ที่รวยล้นฟ้า เป็นคนดังเพราะเราเห็นคุณสุขในหน้าหนังสือพิมพ์และนิตยสารเป็นประจำ แต่คุณสุขของพวกเราติดดิน เรียบง่าย ไม่ถือตัว ใจกว้างเท่ามหาสมุทร ชอบช่วยเหลือผู้คน และยิ้มทักทายพนักงานอย่างเป็นกันเอง
พวกเราหลายคนเคยนั่งรถมาทำงานพร้อมคุณสุข มันไม่ใช่รถเก๋งหรอกนะ แต่เป็นรถเมล์ คุณสุขเป็นคนที่ชอบนั่งรถเมล์มาก โดยเฉพาะรถเมล์เล็กสีเขียว 2 บาท 50
ฝันร้ายกลางเดือนหนาว
แม้ทุกอย่างจะไปได้สวย แต่เรื่องโชคชะตาไม่มีใครสามารถรู้ล่วงหน้าได้ ปี 2542 เกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจ ค่าของเงินต่างประเทศสูงมาก ร้านหนังสือดวงกมลได้รับผลกระทบโดยตรงเนื่องจากหนังสือส่วนใหญ่สั่งซื้อจากต่างประเทศและเป็นเครดิต ค่าของเงินที่เพิ่มขึ้นทำให้คุณสุขต้องเป็นหนี้เพิ่มอีกเท่าตัว ทุกอย่างหยุดชะงัก
ด้วยความที่คุณสุขเป็นคนรักภรรยามาก เมื่อเศรษฐกิจรุมเร้า แม้ว่าดวงกมลแต่ละสาขาจะแยกบริหารเด็ดขาด แต่คุณสุขก็ขอให้คุณธเรศ คีรี (ผู้จัดการ บริษัท ดวงกมลสมัย จำกัด) เป็นธุระส่งค่าเลี้ยงดูให้ภรรยาที่เมืองนอกแทน คุณธเรศรับปากอย่างไม่ลังเล แม้จำนวนแต่ละเดือนนับแสนบาทก็ตาม เขามุ่งมั่นทำให้คุณสุขผู้เป็นที่รักยิ่งจนถึงปัจจุบัน
ฉันนับถือคุณสุขเสมอ และชื่นชมลูกหลานของคุณสุขทุกคนอย่างสุดซึ้ง (คุณมัลลิกา คีรี, คุณธเรศ คีรี และคุณสมบูรณ์ สกุลสุทธวงศ์) แต่มันน่าแปลกที่ว่าสิ่งที่ฉันเห็นกับตามันช่างกลับตรงกันข้ามกับข่าวที่ออกไป เพราะนั่นคือเศษเสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่คุณสุขเลือก และไม่มีใครสามารถเข้าถึงได้ มันทำให้ฉันกลัวตัวหนังสือบนกระดาษ
ในภาวะที่เลวร้าย หรือแทบทุกครั้งที่คุณสุขมีปัญหา เพียงแค่คุณสุขยกโทรศัพท์ ลูกหลานของเขาจะรีบมาหาทันที ต่างเป็นกำลังใจที่ดีให้กันเสมอ พวกเขาทุกข์ใจมาก แต่เขายังยิ้มสู้ และพวกเขาก็ช่วยเหลือกันหมดใจ ต่างร่วมกันแก้ไขจนปัญหาคลี่คลาย และไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรค์ใดๆ ทั้งสิ้น
ในช่วงที่พวกเขาอยู่ด้วยกันต่างมีใจที่เข้มแข็ง ปล่อยวาง และมีความสุขได้ในทุกสถานการณ์
อีกหนึ่งความประทับใจที่ฉันเห็นจนชินตาคือ การดูแลเอาใจใส่ของคุณมัลลิกาที่มีต่อคุณสุข ขนาดที่เธอมีงานล้นมือ แต่ทุกครั้งที่คุณสุขเข้ามาในออฟฟิศ เธอจะรีบจัดเตรียมอาหารเพื่อสุขภาพให้คุณสุขทานก่อนทำงานเสมอๆ
ความฝันของคุณสุข
คุณสุขคนนี้เป็นคนช่างฝันและไม่เคยอยู่นิ่ง เขามีความฝันมากมายที่อยากทำ เหล่านี้คือความฝันเพียงส่วนเสี้ยวของเขา
1. จัดพิมพ์งานของชาติ กอบจิตติ เสนอในต่างประเทศเพื่อให้นักเขียนไทยคนหนึ่งได้รับรางวัลโนเบล และหวังว่ากรุงเทพสามารถสร้าง เจมส์ จอยซ์ หรือ เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ คนที่สองได้
2. พิมพ์หนังสือที่ให้คนอ่านรู้จักภูมิหลังของประเทศต่างๆ ในอาเซียน เนื่องจากประเทศอาเซียนมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ เพราะไม่เข้าใจว่าวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ต้องนำเศรษฐกิจ
3. ทำหมู่บ้านนักเขียนนานาชาติ โดยจะขอร้องให้สถานทูตต่างๆ มาสร้างบ้านสักหลังสองหลัง แล้วใส่ชื่อของนักเขียนที่มีค่าที่สุด
4. และทำหนังสือ คู่มือเป็นนายกรัฐมนตรี คุณสุขตัดพ้อตัวเองว่าเป็นดอกทองในเมืองไทยที่ใครก็ตามมาเมืองไทยแล้วต้องมาหา แล้วก็ต้องมาบอกว่านายกฯ ยูไม่เก่ง
สัญญารัก
คุณสุขแต่งงานกับแหม่มเยอรมันชื่อ Kristin เธอเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือมาก คุณสุขจะสั่งซื้อหนังสือพ็อตเก็ตบุ๊คจากต่างประเทศมาให้ภรรยาเป็นประจำ เมื่อหนังสือเต็มบ้านเลยเกิดไอเดียเปิดร้านหนังสือและขายหนังสือต่างประเทศเป็นเจ้าแรกของเมืองไทย โดยตั้งชื่อร้านว่า ‘ดวงกมล’ ซึ่งแปลว่า ‘จากดวงใจ’ และทั้งคู่มีพยานรักกำเนิดลูกสาวผู้น่ารักหนึ่งคนชื่อ Meilin
อาลัย แด่ คุณสุข
แม้คุณสุข สูงสว่าง จะจากพวกเราไปแล้ว แต่คุณงามความดีทุกอย่างที่คุณสุขได้มอบให้ พวกเราจะถือปฏิบัติด้วยความเคารพรัก และจะเป็นคนดีของสังคมตลอดไป
หมายเหตุ : ขอบคุณนิตยสาร ค.คน สำหรับภาพประกอบ (คุณสมบูรณ์, คุณธเรศ และคุณมัลลิกา)
๓ ความคิดเห็น:
ดีครับที่โลกใบนี้มีคนอย่างคุณสุข และรู้สึกประทับใจกับหลานๆ ท่าน ซึ่งผมไม่เคยทราบมาก่อน
- ภูมิศักดิ์ -
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน คนดีก็อยู่ในใจเสมอค่ะ
- ปาริชาติ -
คงหาไม่ได้อีกแล้ว คนที่รักหนังสือ แบบนี้
แสดงความคิดเห็น