วันพุธที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

กว่าจะเป็นหนังสือ อภิชาติพงศ์ : Unknown Forces






กว่าจะเป็นหนังสือ อภิชาติพงศ์ : Unknown Forces

by Ninamori

ช่วงต้นปี 2548 สนธยา ทรัพย์เย็น - เจ้าสำนักฟิล์มไวรัส เจอ ทีฆะเดช วัชรธานินทร์ – ผู้กำกับหนัง Ordinary Romance โดยบังเอิญหน้าโรงหนังสกาล่า ไม่น่าเชื่อว่าช่วงเวลาสั้นๆ เพียง 10 นาที บทความรายงานกองถ่ายหนังของอภิชาติพงศ์ ก็งอกเงยขึ้นเพื่อหนังสือ ฟิล์มไวรัส 3 สนธยา เชิญชวนให้ทีฆะเดช เขียนบทความนั้นเพราะเห็นว่า ทีฆะเดช เคยเป็นทีมงานและรู้จักพลพรรคในกองถ่ายของพี่เจ้ยเป็นอย่างดี และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นโปรเจ็คท์ต่อมาซึ่งทั้งคู่ได้จับมือกันทำหนังสือหนังเล่มใหม่อีกเล่ม คราวนี้เกี่ยวกับหนังและงานศิลปะของ อภิชาติพงศ์ล้วน ๆ โดยได้เสนอคุณภิญโญ ไตรสุริยธรรมา เจ้าสำนักโอเพ่นบุ๊ค ซึ่งคุณภิญโญก็ตอบรับเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่พฤษภาคม 49

โทรศัพท์สองเครื่องจากสองทิศทางถูกเจ้าของมันใช้งานมากขึ้นและบ่อยขึ้น เสียงหัวเราะทั้งจากต้นทางและปลายทาง บ่งบอกถึงความสนุกสนานในการวาดอักษรของเนื้อหาหนังสือในเล่ม... งานเดินหน้าไปอีกขั้น

เมื่อทุกอย่างเป็นรูปเป็นร่าง การนัดหมายกับพี่เจ้ย –อภิชาติพงศ์ ก็เกิดขึ้น เป็นการบอกกล่าวอย่างเป็นทางการถึงวัตถุประสงค์ที่จัดทำหนังสือ ซึ่งก่อนหน้านั้นมีการติดต่อเพียงทางโทรศัพท์เพื่อขออนุญาตให้ ทีฆะเดชตามถ่ายในกองถ่ายของพี่เจ้ย

ตอนเย็นช่วงเทศกาลหนังเวิล์ดฟิล์ม ตุลาคม 2549 ทั้ง 3 หนุ่ม ก็มาเจอกันตามนัดหมายเพื่อตกลงรูปแบบและเนื้อหาของหนังสือให้ชัดเจนขึ้น เป้าหมายของพวกเขาคือบิ๊กซี สาขาราชดำริ

ไม่ได้เจอพี่เจ้ยนานมากแล้ว พี่เจ้ยวันนี้ ผู้สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยให้ทั่วโลกได้รู้จัก ผู้มีศาสตร์และศิลป์สร้างสรรค์งานเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว เขาคือคนไทยเพียงคนเดียวที่นิตยสารฝรั่งเศส กาเย่ส์ ดู ซีนีม่า (Cahiers du Cinema) และ Film Comment ของอเมริกา ยกย่องและโปรโมทผลงานอย่างต่อเนื่องหลายฉบับ (“สัตว์ประหลาด!”ได้มีรูปขึ้นปกหนังสือกาเย่ส์ด้วย) แต่พี่เจ้ยวันนี้ยังเหมือนพี่เจ้ยคนเดิมที่เจอเมื่อสิบกว่าปีก่อน ที่ห้องฉายหนังดวงกมลฟิล์มเฮ้าส์ ซีคอนสแควร์ ตอนที่เพิ่งเริ่มถ่ายหนังเรื่อง “ดอกฟ้าในมือมาร” (Mysterious Object at Noon) เขาเป็นคนสุภาพ อ่อนโยน ใส่ใจในทุกรายละเอียด และเป็นกันเองเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง จำได้ว่าช่วงที่หยุดถ่ายทำหนังแต่ละคราว พี่เจ้ยยังมา ดวงกมลฟิล์มเฮ้าส์ ซีคอนสแควร์ กับพี่เคี้ยง (ไพสิฐ พันธุ์พฤกษชาติ –ต่อมากำกับ “จอมโหดมนุษย์ซีอิ๊ว”) และนั่งดูหนังของโหวเสี่ยวเสี้ยนเรื่อง The Puppetmaster ด้วยกัน

และนั่นเป็นอีกจุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เพราะพี่เจ้ยขอเปลี่ยนและเพิ่มเติมเนื้อหาของหนังสือ มีการเพิ่มรายละเอียดในส่วนทีมงาน โดยเขาจะเป็นคนเก็บภาพของเหล่าทีมงานคู่ทุกข์คู่ยากด้วยตัวเอง แถมยังเขียนบทความเพิ่มให้ด้วย

มีการนัดอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่สองและสาม ที่บ้านของพี่เจ้ย มีการแบ่งงานกันทำ มีพี่เจี๊ยบ- กฤติยา กาวีวงศ์ – อดีตผู้บุกเบิก Project 304 และปัจจุบันเป็นผู้บริหารจิม ทอมป์สัน ไกรวุฒิ จุลพงศธร - หนึ่งในกองบก. คนเก่งจากนิตยสารไบโอสโคป และ Filmsick จอมขยันร่วมเขียนบทความในส่วนของหนังทดลอง หนังสั้นและหนังยาวทั้งหมดของพี่เจ้ย

จากโทรศัพท์สองเครื่องเพิ่มเป็นสามและสี่ มีการส่งอีเมล์เป็นระยะๆ ข่าวดีจากพี่เจ้ยบอกว่า Eungie Joo ผู้บริหารของ Cal Art (Gallery at REDCAT) ที่แคลิฟอร์เนีย อเมริกา และแกลเลอรี่ที่เม็กซิโก สนใจให้ทุนทำหนังสือดังกล่าวเป็นเวอร์ชั่นสองภาษาคืออังกฤษและสเปน โดยมีการทำเป็นกล่องบ๊อกซ์เซ็ต รวมกับเวอร์ชั่นไทย และจัดพิมพ์หนังสือในประเทศไทย

จากโปรเจ็คท์เล็กๆ กลายเป็นโปรเจ็คท์นานาชาติ ทางฟิล์มไวรัส พยายามติดต่อขอนัดทุกฝ่ายมาเจอกันอีกครั้งที่สตาร์บั๊ค สยามพารากอน วันที่ 11 มิ.ย.50 มีทั้งพี่เจ้ย ทีฆะเดช น้องก้อง (คนทำ Artwork) ทีมงานฟิล์มไวรัส 2 คน และคุณภิญโญ ซึ่งวันนั้นป่วยกะทันหันจึงส่งตัวแทนมาอีก 4 คน

สรุปว่า หนังสือ Unknown Forces จะพิมพ์ 3 ภาษาคือ
ภาษาไทยซึ่งเป็นต้นแบบของภาษาต่างประเทศ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์โอเพ่นบุ๊คส์ ความหนาประมาณ 300 หน้า
ส่วนภาษาอังกฤษและสเปนซึ่งแต่แรกคุยกันว่าอาจจะจัดพิมพ์ที่เมืองไทยทั้งหมด จัดพิมพ์โดย Gallery at REDCAT ประเทศอเมริกา และแกลเลอรี่ที่เม็กซิโก โดยรวมสองภาษาเป็นเล่มเดียวกัน หนา 400 หน้า พิมพ์จำนวน 2,000 เล่ม ขนาดของหนังสือทุกเวอร์ชั่นคือ 173 มม. x 200 มม. และมีการจัดทำกล่องหนังสือรวมทั้งสามภาษาส่งไปขายที่เมืองนอก โดยจัดส่งหนังสือที่เสร็จสมบูรณ์รวมทั้งภาษาไทยไปที่อเมริกา 2,000 เล่มและส่งที่เม็กซิโกซิตี้อีก 2,000 เล่ม

30 มิถุนายน 2550 งานบทความและบทสัมภาษณ์ในส่วนของ ทีฆะเดช เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย ในช่วงรอต้นฉบับที่เหลือ ทางฟิล์มไวรัสได้ติดต่อสอบถามราคาค่าขนส่งจากที่ต่างๆ รวมทั้งไปรษณีย์เพื่อเปรียบเทียบราคา ซึ่งไปรษณีย์เป็นด่านแรกที่ตัดทิ้งออกไปเพราะค่าขนส่งแพงมากตกที่กิโลกรัมละ 1,000 บาท

เราสอบถามบริการของ Atlas Transport บริษัทขนส่งเอกชนในเมืองไทยที่ราคาประหยัดที่สุดคือส่งโซนอเมริกันกิโลกรัมละ 150 บาท และที่ เม็กซิโกซิตี้ กิโลกรัมละ 200 บาท

นั่นหมายความว่าหนังสือทั้งหมดที่จะต้องส่งเมืองนอก 4,000 เล่ม น้ำหนักรวมโดยประมาณอยู่ที่ 3,600 กิโลกรัม คำนวณหลายตลบแล้วค่าขนส่งรวมค่าบริการอื่นๆ อีกจิปาถะอยู่ที่ 700,000 บาท (เจ็ดแสนบาทถ้วน) ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายประเภทสิ้นเปลืองที่สูงมาก สูงกว่าค่าพิมพ์หนังสือหลายเท่า

เจ้าสำนักฟิล์มไวรัสส่งอีเมล์ติดต่อพี่เจ้ย (เพราะพี่เจ้ยไปต่างประเทศแล้ว) เพื่อให้พิจารณาระงับพิมพ์หนังสือฉบับภาษาต่างประเทศในเมืองไทย และให้ทุ่มใจทำงานที่ฉบับภาษาไทยเพียงอย่างเดียว ส่วนฉบับภาษาต่างประเทศนั้นให้ทางเมืองนอกพิมพ์เอง หากเขายังสนใจฉบับเล่มภาษาไทยไปขายในกล่องเดียวกัน ก็ให้ซื้อลิขสิทธิ์จากเมืองไทยทีหลังก็ได้

กว่าจะเป็นหนังสือสักเล่มหนึ่งมันช่างหลายซับหลายซ้อน ฉันเห็นพวกเขาทำงาน สิ่งหนึ่งที่ฉันดีใจคือได้เห็นพวกเขาเหนื่อยและได้ลิ้มรสความสุขจากดอกผลของความเหนื่อยนั้น กำลังใจยังเป็นสิ่งจำเป็น แฟนคลับของกลุ่มฟิล์มไวรัส อย่าลืมติดตาม Unknown Forces เล่มนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งใน Filmvirus Collection เล่มก่อนสุดท้าย (ที่จะจบลงด้วยหนังสือแปลของ อังเดร ทาร์คอฟสกี้) คาดว่าจะพิมพ์เสร็จประมาณเดือนกันยายนนี้จ้า

๔ ความคิดเห็น:

JANGTODAY กล่าวว่า...

พอรู้ข่าวคราวการเคลื่อนไหวจากเสียงมาเมื่อไม่นาน ดีใจที่เสียงนั้นกลายเป็นอักษร และด้วยความชื่นชมนิยมในตัวพี่เจ้ย เป้นการส่วนตั๊ว ส่วนตัว ตั้งแต่ได้ดูหนัง และได้รับคำปรึกษา ก็แอบลุ้นในใจมาตลอดเพื่อจะรอเปิดกระปุกมาซื้อเล่มนี้


อ๋อ ตัวเองไม่ได้อยู่ในวงการน้ำหมึกโดยตรงแต่ก็พอรู้ว่า กว่าจะเป็นอะไรสักเล่ม (มีคุณค่า) มันก็ทั้งยากในหลายๆด้าน หากพี่เจ้ยจะเปรียบหนังเป็นลูก หนังสือที่เราตั้งใจทำก็เป็นลูกที่ดีและน่ารักได้เหมือนกัน ขอให้กำลังใจคนทำโดยตรงและคนที่เข้าไปเกี่ยวข้องกลายๆค่ะ
เอาใจลุ้นสุดตัวน่ะค่ะ
หยอดกระปุกรอไปเรื่อยๆ

กระต่ายตัวกลม

celinejulie กล่าวว่า...

วันนี้เพิ่งได้อ่านเมล์พี่สนบอกเรื่องบล็อกนี้

แล้วหนูจะรออ่านหนังสือเล่มนี้นะคะ

:-)

K กล่าวว่า...

Hi Morimart, this is Kristin. I just e-mailed you, and even though I can't read your blog I thought I would say "Hi" to let you know I visited it:).

ninamori กล่าวว่า...

ขอบคุณกระต่ายตัวกลม (ชื่อน่ารักจัง)ที่รออุดหนุนหนังสือพี่เจ้ย,

celinejulie (วันนี้ไม่ไปนั่งเรือหรือเล่นบ้านผีสิงหรือค่ะ)

and Kristin, my beloved long lost friend for visiting my blog.

Ninamori