วันอังคารที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

แสตมป์นักเขียน

by Ninamori
ตอนเป็นเด็ก ตัวเล็กกะเปี๊ยก สูงราวๆ เอวผู้ใหญ่น่าจะได้ ไม่น่าเชื่อว่าตอนนั้นได้ตกหลุมรักเสน่ห์สระอักษรที่วิ่งในกระดาษสักแล้ว เธอทำให้ฉันทั้งทึ่ง ประหลาดใจ และตื่นเต้นทุกครั้งที่เห็น รู้สึกสนุกยิ่งกว่าของเล่นทั้งหลายที่นอนแอ้งเม้งในตระกร้าเสียอีก

เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า วันหนึ่งเกิดอยากได้กระโปรงลายสก๊อตสีแดงให้ตุ๊กตาแพะใส่ เลยไปอ้อนพี่สาวให้ช่วยทำให้หน่อย แต่พี่ยังไม่ว่างเพราะกำลังทำการบ้านอยู่ พี่ขยับเก้าอี้ให้นั่งใกล้ๆ เธอสัญญาว่าจะทำให้เมื่อทำการบ้านเสร็จ แต่มีข้อแม้ว่าฉันต้องนั่งให้เรียบร้อย


สบายมาก ! ฉันทำตามที่พี่บอก มือทั้งสองยังกอดตุ๊กตา ตาก็จ้องที่กระดาษ ไม่ยักรู้ว่าพี่สาวของฉันมีเวทมนต์ด้วยแฮะ มันเป็นอะไรที่วิเศษมากเลยนะ ไอ้เส้นๆ ที่พี่เรียกว่าตัวหนังสือนี่นะ มันคล้ายมายากลเลย มันเหลือเชื่อจริงๆ แค่พี่ขยับมือขึ้นลงนิดหน่อย ก็สามารถปลุกเศษให้เส้นปรากฏขึ้นมา

“โตขึ้น ฉันจะเขียนหนังสือให้ได้ จะเขียนให้สวยๆ เหมือนพี่เลย” ฉันวาดฝันไว้ในใจ

อีก 2-3 ปีต่อมาฉันก็ได้ไปโรงเรียนกับเขาสักที... ฉันยังไม่ลืมความฝันนั้น...

แต่ที่โรงเรียนไม่เป็นอย่างที่คิด ครูดุมาก พวกเรามักยั่วโมโหครูบ่อยครั้ง ผลก็คือไหล่ขวาของฉัน ของเพื่อน และเพื่อนอีกคนต่างบวมเป่ง เหตุเพราะสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง ใครๆ ก็อยากเป็นเด็กดี เป็นคนโปรดของครูล่ะนะ แต่พวกเราไม่เข้าใจภาษาที่ครูพูดจริงๆ เกิดมาพวกเราก็พูดแต่ภาษามาลายู น่าเสียดายจังที่ครูพูดภาษาเราไม่ได้

ฉันไม่อยากเขียนหนังสือ... แล้วฉันก็ไม่อยากไปโรงเรียนด้วย... นิสัยนี้ติดตัวจนโต หนังสือเป็นอะไรที่น่าเบื่อที่สุด เปิดทีไรง่วงนอนทุกที ทุกอย่างเป็นทางการ อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม

จนกระทั่งเจ้าสำนักฟิล์มไวรัสมอบหนังสือเล่มหนึ่งเป็นของขวัญ มีชื่อว่า เมตามอร์ฟอร์ซิส ของฟรานซ์ คาฟก้า เป็นเรื่องเหนือจริง ที่เต็มไปด้วยจินตนาหลุดโลก มันสยองมากเลยนะ ถ้าอยู่ๆ เมื่อเราตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกลายเป็นแมลง มีขนเต็มตัว ดูประหลาดๆ น่าเกลียดๆ ที่สำคัญเราไม่สามารถใช้ชีวิตแบบเก่าได้แล้ว ทั้งๆ ที่จิตวิญญาณความรู้สึกนึกคิดยังเป็นคน แต่ต้องกินอยู่อย่างแมลง

ต้องขอขอบคุณ คาฟก้า ที่เนรมิตงานนี้ออกมา และเจ้าสำนักฟิล์มไวรัสที่แนะนำหนังสือดีๆ ให้อ่าน ซึ่งทำให้มนต์เสน่ห์ของอักขระกลับมาโลดแล่นในใจฉันอีกครั้ง

วันพฤหัสบดีที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

ประวัติแสตมป์ไทย

by Ninamori

ย้อนกลับไปเมื่อ 100 ปีก่อนโน้น... ข้าน้อยต้องขอคาราวะคุณทวดทั้งหลายจากใจทั้งหมดที่มี เพราะในสมัยนั้นกว่าจะส่งจดหมายสักฉบับ คุณทวดของพวกเราต้องเดิน...แล้วก็เดิน... เป็นเดือนๆ ด้วยลำแข้งสองขาโดยไม่ปริปากบ่นสักคำ เพื่อให้จดหมายถึงปลายทางอย่างปลอดภัย

จนกระทั่งปี พ.ศ. 2418 เมื่อประเทศไทยมีการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ ได้มีการจัดตั้งสถานกงสุลขึ้นในกรุงเทพ ฯโดยสถานกงสุลอังกฤษเป็นคนริเริ่มการไปรษณีย์ขึ้น บริการรับฝากจดหมายหรือหนังสือจากประเทศไทย ไปยังที่ทำการไปรษณีย์ประเทศสิงคโปร์ และส่งต่อยังจุดหมายปลายทาง โดยใช้ตราไปรษณีย์ที่นำมาจากสิงคโปร์ พิมพ์อักษรว่า “ B “ ลงบนตราไปรษณียากรนั้น แทนคำว่า “ BANGKOK “ ผนึก ทับบนจดหมาย หรือหนังสือเพื่อฝากส่งไปกับเรือพาณิชย์ แต่ตอนหลังได้ยกเลิกไปเมื่อมีบริการไปรษณีย์ของสยามอย่างเป็นทางการ

และในช่วงเวลานั้น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้า ภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช กับเจ้านายกลุ่มหนึ่ง ได้ร่วมกันจัดทำหนังสือพิมพ์รายวัน ชื่อ "ข่าวราชการ" ( COURT ) ปรากฏว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนต้องมีคนเดินส่งหนังสือแก่สมาชิกทุกเช้า ดังนั้นจึงได้ทรง จัดพิมพ์ " ตั๋วแสตมป์ " เพื่อใช้เป็นค่าบริการ ซึ่งต่อมาแสตมป์ได้ขยายไปถึงการเดินส่งจดหมายแก่สมาชิกด้วย โดยตั๋วแสตมป์ 1 ดวง แทนราคา 1 อัฐ แต่ตั๋วแสตมป์ดังกล่าวไม่มีตัวอักษร หรือเลขหมาย บอกราคาไว้

และประมาณกลางปี พ.ศ. 2423 เจ้าหมื่นเสมอใจราช ได้ทำหนังสือกราบบังคมทูล พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว ขอให้พระองค์ทรงจัดตั้งการไปรษณีย์ขึ้นในประเทศไทย ปรากฏว่าพระองค์มีพระดำริเห็นชอบ จึง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าภาณุ รังษีสว่างวงศ์ ทรงเตรียมจัดตั้งการไปรษณีย์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2424 จนถึง วันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2426 ทรงโปรดเกล้า ฯ ให้ตั้งกรมไปรษณีย์และโทรเลขขึ้น โดย ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมหลวงภาณุพันธุวงศ์วรเดช ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราช การกรมไปรษณีย์โทรเลข โดยใช้อาคารริมแม่น้ำเจ้าพระยาเหนือ ปากคลองโอ่งอ่าง เป็นสถานที่ทำการแห่งแรกและเรียกอาคารหลังนี้ว่า “ไปรษณียาคาร“ และได้สั่งพิมพ์ตราไปรษณียากร จาก บริษัท WATERLOW AND SOWS LONDON มาเพื่อเตรียมใช้งาน 6 ชนิดราคา คือ โสฬส อัฐ เสี้ยว ซีก เฟื้อง สลึง โดยเรียกแสตมป์ ชุดนี้ว่า “ ชุดโสฬส “ แสตมป์ชุดแรกนี้ เป็นภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผินพระพักตร์เบื้องซ้ายภายในกรอบรูปไข่ เริ่มออกจำหน่าย วันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2426 ปัจจุบันถือว่าเป็นแสตมป์ที่หายากมากและราคาแพงลิบลิ่วทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามการที่แสตมป์ดวงใดจะทรงคุณค่า ไม่ได้อยู่ที่ความ เก่าแก่อย่างเดียว แต่อาจขึ้นอยู่กับจำนวนพิมพ์น้อย หายาก และเป็นที่สนใจของนักสะสม

ในปัจจุบันแสตมป์ไทยได้พัฒนาเท่าเทียมกับอารยะประเทศ มีนักออกแบบบางคนพยายามสร้างผลงานของตนเอง โดยยึดหลักรักษาไว้ซึ่งเอกลักษณ์แห่งความเป็นไทย

วันพุธที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

แสตมป์ดวงแรกของโลก

by Ninamori

นั่งนึกก่อนก้าวออกจากบ้านว่า...หลังจากส่งพัสดุ (ที่ข้างในบรรจุหนังสือฟิล์มไวรัส เล่ม 4) ให้ลูกค้าที่ลำพูนแล้วตัวเองอยากได้อะไรจากไปรษณีย์บ้าง...แสตมป์ผลไม้...แสตมป์แมว...แล้วก็แสตมป์ไก่แจ้... อ้อ! แสตมป์ดอกไม้ด้วย

ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ทุกท่านด้วยนะคะ ซึ่งที่ผ่านมาได้จัดส่งสางสำแดงเล่มนี้ สู่จุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัยหายห่วง ทั้งสระแก้ว, สงขลา, ปราจีนบุรี, ชลบุรี, เชียงใหม่, ยโสธร, นนทบุรี, กระบี่, ระยอง, กาญจนบุรี, ราชบุรี และร้อยเอ็ด

แล้วใครกันนะ...ที่ออกแบบแสตมป์ดวงแรกของโลก
เมื่อก่อนนั้นยังไม่มีระบบฝากส่งจดหมายที่ดีเหมือนปัจจุบัน ประเทศอังกฤษได้นำเอาแบบอย่างจากไปรษณีย์ฝรั่งเศสมาประยุกต์ใช้ แต่ปรากฏว่าไม่ประสบผลเท่าที่ควรและประสบภาวะขาดทุนมาตลอด เนื่องจากในระยะเริ่มต้นนั้น ผู้ส่งจดหมายไม่ต้องเสียค่าฝากส่ง บุรุษไปรษณีย์จะนำจดหมายไปส่งให้กับผู้รับและเรียกเก็บเงินจากปลายทาง แต่ปรากฏว่าผู้รับหลีกเลี่ยงและไม่ยอมจ่ายเงินค่ารับจดหมายเยอะมาก

ปี พ.ศ.2379 นายโรว์แลนด์ ฮิลล์ ( Rowland Hill ) ชาวอังกฤษ ได้เสนอวิธีคิดค่าธรรมเนียมในการฝากส่งใหม่ โดยให้ถือน้ำหนักเป็นเกณฑ์ และกำหนดให้มีมาตรฐานต่อจดหมาย 1 ฉบับ ต่อ 1 เพนนี นอกจากนี้ได้เสนอให้มีการจัดพิมพ์ตราไปรษณียากร หรือแสตมป์ ( Postage Stamp ) สำหรับให้ผู้ใช้บริการซื้อไว้เพื่อปิดผนึกบนห่อซองจดหมาย ณ บริเวณมุมบนด้านขวามือ เพื่อแสดงให้ทราบว่าจดหมายฉบับนั้นได้ชำระค่าธรรมเนียมแล้ว

ข้อเสนอของนายโรว์แลนด์ ฮิลล์ ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลอังกฤษ ประเทศอังกฤษจึงเป็นประเทศแรกที่ได้ปฏิรูปการไปรษณีย์เสียใหม่ โดยให้ผู้ฝากส่งเป็นผู้ชำระค่าจดหมายล่วงหน้า และแสตมป์ดวงแรกก็ได้อุบัติขึ้น เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2383
แสตมป์ชนิดราคา 1 เพนนีสีดำ มีพระบรมฉายาลักษณ์ผินพระพักตร์ข้างของสมเด็จพระนางเจ้าวิคตอเรีย กษัตริย์อังกฤษในสมัยนั้น นักสะสมจึงเรียกกันทั่วไปว่า ชุด "เพนนีแบล็ค" ( PENNY BLACK ) แสตมป์ชุดแรกของโลกมีข้อสังเกตได้ว่าแตกต่างจากแสตมป์ชุดอื่นๆ 3 ประการ คือ ไม่มีชื่อประเทศ ไม่มีกาวด้านหลัง และไม่มีฟันแสตมป์ ด้วยจำนวนดวงในแผ่นมีทั้งสิ้น 240 ดวง เมื่อจะใช้ต้องใช้กรรไกรตัดออกมา ทำให้แสตมป์มีขอบเรียบทั้ง 4 ด้านสำหรับนายโรว์แลนด์ ฮิลล์ ผู้ทำความดีแก่การไปรษณีย์อังกฤษอย่างเอนกอนันต์ ภายหลังสมเด็จพระนางเจ้าวิคตอเรีย ได้ทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายโรว์แลนด์ ฮิลล์ ให้เป็นขุนนางชั้นบาธ ( BATH ) ตำแหน่ง เซอร์ โรว์แลนด์ ฮิลล์ ( Sir Rowland Hill )