ของดีและฟรี ยังมีในโลกกับ workshop fun with etching ที่หอศิลป์จามจุรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อุ๊ย ! วัตถุมีน้ำหนัก... เราต่างสงสัยกับอุปกรณ์ที่ได้มา มีแผ่นทองแดงที่ทาด้วยวานิชดำใช้สำหรับวาดภาพ แล้วก็เข็มจาร ทีแรกเข้าใจผิดนึกว่าปากกา แต่มันเป็นเข็มที่ใช้สำหรับขูด ขีด เขียน เพื่อให้ได้ภาพตามต้องการ ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ ก็มีหมึกสำหรับอัดลงในร่องบนเพลท, แท่นพิมพ์, กระดาษชนิดพิเศษสำหรับนำไปพิมพ์บนแท่นพิมพ์, น้ำมันสน, น้ำมันพืช, น้ำยาล้างจาน, น้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำ, ถุงมือ, สมุดหน้าเหลือง ฯลฯ
ระหว่างฟังการบรรยายตาเหลือบไปเห็นสารเคมีที่ละลายน้ำแล้วหลังห้อง นึกหวั่นใจเล็กน้อยกลัวเผลอไปโดน แต่พออาจารย์บอกว่าไม่อันตรายถ้าบังเอิญผิวหนังไปสัมผัส ทำให้โล่งใจไปเยอะ
สมกับเป็นแม่ (พ่อ) พิมพ์ของชาติ สำหรับอาจารย์ สุรชัย เอกพลากร คนนี้ เพียงแค่ได้สัมผัสในห้องเรียนไม่นาน ทุกคนก็รู้สึกได้ถึงความเป็นกันเอง อาจารย์ใจดีเสมอ ที่สำคัญอาจารย์สามารถถ่ายทอดวิชาอย่างสร้างสรรค์ให้พวกเราได้ดีเยี่ยม แถมบอกเคล็ดลับดีๆ แบบไม่กั๊ก จนหลายคนไอเดียบรรเจิดเพิ่มเทคนิคพิเศษเนรมิตงานกิ๊บเก๋ แอ๊บสแทร็คก็มี บางคนภาพลอยมาแล้วแต่มือไม้ยังสั่นอยู่ เพราะไม่ชินกับเครื่องมือ บางคนใจลอยนึกถึงเพื่อนเพราะเสียดายที่ไม่ได้ชวนมาเรียนด้วยกัน
เร็วปานกามนิต หนุ่มสาวหน้าหวานวาดภาพเสร็จแล้ว มุ่งหน้าไปยังกระบะเพื่อนำแผ่นทองแดงไปแช่ในสารละลาย Ferric Chloride ให้กัดภาพจนเกิดเป็นร่องลึก ภาพจะเข้มหรือเบาบางก็ขึ้นอยู่กับขั้นตอนนี้ แต่ละคนจับเวลางานของตัวเอง ระหว่างรอก็ไปทานอาหารที่ทางหอศิลป์ฯ เตรียมไว้ให้ มีทั้งไก่ทอดกระเทียมพริกไทยดำแสนอร่อยถาดใหญ่ๆ ปลาท่องโก๋ ชา กาแฟ น้ำสมุนไพร และน้ำอัดลมสารพัดชนิด บางคนกินไก่ทอดเพลินจนลืมเวลา นึกได้วิ่งหน้าตั้งไปหยิบงานมาล้าง แต่งานของเขาก็ออกมาสวยกว่าที่คิดแฮะ งานจะสวยหรือไม่ขั้นตอนการทำความสะอาดเพลทก็สำคัญไม่แพ้กัน

ขอบคุณ อาจารย์สุรชัย และเจ้าหน้าที่หอศิลป์ทุกท่านอย่างน้องจอย, อ๋อม, ขวัญ, เมี่ยง, จอม และแฮร์ยูน ที่ทำงานขยันขันแข็งตระเตรียมงานให้พวกเรา นอกจากความสุขในห้องเรียนที่ได้แล้ว ศิลปะทำให้เราได้เพื่อนใหม่ ฝึกให้ใจเย็น สามัคคีร่วมด้วยช่วยกันอย่างไม่ได้นัดหมายเกิดมิตรผู้อารี เป็นความรู้สึกดีๆ ที่อยู่ในใจตลอดไป 