วันพุธที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

Silkscreen at Jamjuree Art Gallery

by Ninamori




หลังจากประทับใจกับการเข้าร่วม Workshop - Printmaking (พิมพ์หรรษา) หรือ Woodcut ณ หอศิลป์จามจุรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อเดือนกันยายน 2549 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าชีวิตของการเป็นนักเรียนมันช่างรื่นรมย์และสนุกสนานมาก พวกเราได้เรียนรู้เคล็ดลับมากมายในการสร้างงานที่เรียกว่า Woodcut และพวกเราก็ได้อาจารย์ สุรชัย เอกพลากร อาจารย์ผู้อารีย์มากฝีมือที่อารมณ์ดี และพร้อมเสมอที่จะตอบทุกคำถามของนักเรียนช่างสงสัยอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย รวมทั้งเหล่าน้องๆ ทีมงานที่เป็นกันเองและน่ารักที่สุด

ทำให้รู้ว่ากว่าจะได้ภาพพิมพ์จาก Woodcut นั้นมันไม่ง่ายเลย เพราะนอกจากต้องคิดแบบแล้ว เราก็ต้องวาดภาพลงไปบนแผ่นไม้อัด แล้วก็ต้องแกะลายที่วาดไว้ ต้องใจเย็นมากๆ เพราะถ้าพลาดนิดเดียวจบกัน เมื่อแกะลายได้แล้วก็จะนำมาลงสี แล้วนำเข้าแท่นพิมพ์อีกที




ส่วนล่าสุดเมื่อวันที่ 18, 25 สิงหาคม 2550 ได้เข้าร่วม Workshop อีกครั้ง มาคราวนี้เป็นกิจกรรม Workshop - Fun with Silkscreen “สกรีนหรรษา” โดยอาจารย์สุรชัยคนเดิมเป็นผู้สอน เราได้เรียนรู้ประสบการณ์อีกแบบที่ต่างจากคราวก่อน เจ้าหน้าที่เตรียมบล็อกไม้ที่มีกระดาษไขอยู่อีกด้านหนึ่งที่ขึงติดกับบล็อกให้ทุกคน คนละอัน ก่อนอื่นก็ต้องนำเทปกาวมาแปะรอบด้านเพื่อกั้นสีรั่ว


เอาล่ะจะออกหมู่หรือจ่าก็งานนี้แหละ บางคนกลั้นหายใจ บางคนจำใจต้องวางปีกไก่ทอดรสเด็ด (ที่นี่มีอาหารและเครื่องดื่มนานาชนิดบริการฟรี) แล้วทุกคนก็บรรจงวาดภาพลงบนกระดาษไขอย่างตั้งใจ เราสามารถกำหนดขอบเขตภาพที่ต้องการโดยใช้ดินสอไข เมื่อได้ภาพที่ต้องการก็ลงสี แล้วใช้ไม้ที่มีขนาดสั้นกว่าบล็อกเกลี่ยสีให้เท่ากันแล้วปาดลงบนภาพที่วางไว้ลงบนกระดาษหรือเสื้อยืดตามต้องการ แต่อย่าลืมเมื่อพิมพ์เสร็จต้องรีบไปล้างบล็อก ถ้าปล่อยไว้นานจะทำความสะอาดยากมาก


หมายเหตุ : ทั้งหมดนี้เป็นกิจกรรมที่เปิดสอนฟรี กิจกรรมจะมีเป็นระยะๆ อาจจะปีละครั้งหรือสองครั้ง สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ หอศิลป์จามจุรี โทร. 02-2183709 หรือ http://www.jamjureegallery.org/

วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

เรียนยาวีนอกปอเนาะ (2) ตอนอาหารอร้อยอร่อย

โดย Ninamori

หากคุณมีโอกาสแวะไปจังหวัดปัตตานี ยะลา หรือนราธิวาส ขอแนะนำให้ลองชิมอาหารท้องถิ่นของชาวมุสลิม ที่รับประกันความอร่อยถึงขั้นอร่อยมาก...
เชื่อหรือไม่ว่าเงิน 200 บาท คุณสามารถอยู่ที่นั่นกินอาหารอิ่มท้อง วันละ 3 มื้อ ได้ถึง 5 วันเลยนะ

เอะ ! แล้วอาหารที่ว่าเขาเรียกอะไรกันบ้างนะ ราคาเท่าไร อยากรู้จัง...


รอ เย๊าะ (ประกอบด้วยเส้นหมี่ลวก, กุ้งชุปแป้งทอด, ผักต่างๆ , ไข่ไก่ และน้ำจิ้มราดข้างบน - อร่อยมาก -ไม่เผ็ด) ราคา 12 บาท


ละ แซ (ประกอบด้วยเส้นก๋วยเตี๋ยวแบบหนานุ่ม, ผักต่างๆ และน้ำกะทิปลาเข้มข้น - อร่อยที่สุด) ราคา 12 บาท

นา ซิ กา บู (ข้าวยำ - ประกอบด้วย ข้าวหุงด้วยน้ำใบยอ, ผักต่างๆ และน้ำบูดู - บางเจ้าทำอร่อยสุดยอด ในช่วงถือศีลอด ยอดขายวันละ 10 กระสอบ)
ราคา 7 บาท


ปู โละ ยอ (ข้าวเหนียวมะพร้าว) + ปู โละ ซา มา (ข้าวเหนียว+กุ้งคั่วกะทิ) ราคาอย่างละ 5 บาท


นา ซิ ตี เนะ (ประกอบด้วย ข้าวหนานุ่มตัดเป็นก้อนสี่เหลี่ยม และปลาคั่วกะทิ) ราคา 5 บาท


ภาษาไทย = = = = = = = = > ภาษามลายู

อันนี้เรียกว่าอะไร = = = = = > เหาะ นิง ปา เง กา ป๊อ
อร่อย = = = = = = = = = > ซือ ดะ
ไม่อร่อย = = = = = = = = = > เดาะ ซือ ดะ
เท่าไร = = = = = = = = = > วา ป๊อ
กี่บาท = = = = = = = = = > วา ปอ โก๊ะ
1 บาท = = = = = = = = = > ซือ โก๊ะ
2 บาท = = = = = = = = = > ดู วอ โก๊ะ
3 บาท = = = = = = = = = > ตี กอ โก๊ะ
4 บาท = = = = = = = = = > ปะ โก๊ะ
5 บาท = = = = = = = = = > ลี มอ โก๊ะ
6 บาท = = = = = = = = = > แน โก๊ะ
7 บาท = = = = = = = = = > ตู โยะ โก๊ะ
8 บาท = = = = = = = = = > ลา แป โก๊ะ
9 บาท = = = = = = = = = > มี แล โก๊ะ
10 บาท = = = = = = = = = > ปู โละ โก๊ะ
11 บาท = = = = = = = = = > บือ ละ โก๊ะ
12 บาท = = = = = = = = = > ดู วอ บือ ละ โก๊ะ
13 บาท = = = = = = = = = > ตี กอ บือ ละ โก๊ะ
14 บาท = = = = = = = = = > ปะ บือ ละ โก๊ะ
15 บาท = = = = = = = = = > ลี มอ บือ ละ โก๊ะ
20 บาท = = = = = = = = = > ดู วอ ปู โละ
30 บาท = = = = = = = = = > ตี กอ ปู โละ

วันพฤหัสบดีที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

โลกหลากสีของมะณอย

หมายเหตุจาก Ninamori : บทความ โลกหลากสีของมะณอย ชิ้นนี้เป็นการบันทึกของ สุมณฑา สวนผลรัตน์ สาวมาดมั่นนิสัยดี เธอเป็นหนึ่งในนักแสดงละครเวทีมืออาชีพที่ทุ่มเททั้งชีวิตและหัวใจให้กับการแสดงอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย มาเถอะไม่ว่าจะเป็นบทไหนเธอรับได้หมดและสามารถสะกดคนดูได้อยู่หมัด ทั้งบทฮา บทใบ้ บทที่ต้องเต้นพลิ้วไหว หรือบทซีเรียส เธอเคยทำให้ใครหลายคนร่วมทั้งฉันถึงกับตาโตอ้างปากค้างในบทต่างๆ ที่เธอเล่น อย่างล่าสุดคือ Vagina Monologues หน้าเวทีมีเธอและเก้าอี้ 1 ตัว แค่นั้นเอง แต่สิ่งที่เธอเล่า คำพูดที่ออกจากปากของเธอด้วยสีหน้าเขินอาย และเกรี้ยวกราดเมื่อมีสิ่งกระทบใจ ฟังน้ำเสียงเธอนุ่มนวล ระหว่างที่รู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับเธอ อยู่ๆ เธอก็ระเบิดอารมณ์อย่างไม่ปรานีถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับเธอ ทั้งห้องเงียบกริบ

อ่านบทสัมภาษณ์ของเธอและเพื่อนๆ ได้ที่ http://www.onopen.com/2006/02/340

ละคร Vagina Monologues
http://www.onopen.com/2007/02/1921



โลกหลากสีของมะณอย
โดย สุมณฑา สวนผลรัตน์ Email : Sumontha55@hotmail.com





ช่วงเย็นย่ำของวันอาทิตย์ แถวจุฬาลงกรณ์ ฉันสุ่มเดินเข้าไปในหอศิลป์จามจุรี โดยที่ยังไม่รู้ว่า โปรแกรมงานในวันนี้จะมีอะไร เป็นงานของใคร งานศิลปะประเภทไหน หรือจะมีงานแสดงไหมก็ไม่รู้ แต่นั่นแหละมันเป็นกิจกรรมที่ฉันชอบทำอยู่บ่อยๆ ถ้าเกิดมีอันต้องผ่านมาแถวนี้ บางทีมันเหมือนกับการจับฉลากว่าวันนี้จะเจออะไร แต่บางทีก็เป็นการทำความรู้จักเพื่อนใหม่ๆ ที่ไม่ใช่ตัวคน แต่เป็นการทำรู้จักผ่านชิ้นงานของเขา ผ่านสายตาที่มองโลกของเขา ที่อาจไม่เหมือนฉันเลย บางทีมันเหมือนเป็นที่หลบพักน่ะ เป็นช่องทางที่ใช้เดินเข้าไปสู่โลกของเจ้าของงานอย่างเงียบๆ และแสนจะเพลิดเพลิน

และวันนี้โลกใบเล็กที่อนุญาตให้ฉันเข้ามาเดินเที่ยวเล่น คือ “โลกหลากสีของมะณอย” ฉันรู้ว่ามะณอยยังเป็นเด็ก เพราะลายเส้นรูปวาดที่ไร้เดียงสาของเธอแนะนำตัวเองว่าอย่างนั้น หลังจากได้ดูภาพในโปสเตอร์สีสันฉูดฉาดบาดตา ฉันก้าวเดินต่อไปในห้อง เห็นมุมหนึ่งของห้องมีเสื่อปูและผู้หญิง2 คนนั่งอยู่ คนหนึ่งเป็นแม่ และอีกคนเป็นลูก ใช่แล้ว ! แม่ และมะณอย ฉันยืนอ่านโปส์เตอร์ที่แปะอยู่ด้านหลังเธอพอดี อ่านอยู่ซักพัก จนไม่รู้ว่ามะณอยเริ่มอึดอัดหรือเปล่า เพราะเธอเริ่มโยกตัว และส่งเสียงเล็กน้อย ทำให้ฉันต้องค่อยๆ เดินห่างออกมา


ความรู้ทั่วๆ ไปเกี่ยวกับตัวเธอคือ มะณอย มีชื่อจริงว่าเด็กหญิง พิชญา เลิศทรัพย์เจริญ แต่ มะณอยไม่ใช่เด็กหญิงธรรมดาๆ ค่ะ เธอเป็นเด็กพิเศษ ที่มีความพิเศษทั้งในแง่มีฝีไม้ลายมือในงานศิลปะจนเข้าขั้นมือรางวัล ที่เคยเดินทางไปคว้า Supreme Gold Award จากงานประกวดศิลปะเด็กนานาชาติ ครั้งที่ 36 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (The 36th International Children’s Art Exhibition) มาแล้ว ส่วนความพิเศษอีกแง่หนึ่งคือ มันเป็นคำจำกัดความทางการแพทย์ที่เรียกเธอว่าเด็กพิเศษ หรือ ออทิสติก สิ่งนี้เองที่เป็นจุดเชื่อมโยงให้ โครงการ การศึกษาพิเศษเพื่อพัฒนาความสามารถทางการเรียนรู้ โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ฝ่ายประถม กระโดดมาเป็นตัวตั้งตัวตีจัดงานศิลปะในครั้งนี้เพื่อเผยแพร่ความสามารถพิเศษของมะณอยให้คนทั่วไปได้รู้จัก นั่นเป็นข้อมูลคร่าวๆ ที่ฉันได้รู้เกี่ยวกับตัวเธอ

ฉันเดินต่อไปเพื่อดูรูปบนผนัง ภาพส่วนใหญ่ของมะณอยเป็นภาพผู้หญิง ในอริยาบทต่างๆ เช่นยืนยิ้ม ออกกำลัง เต้นเชียร์ลีดเดอร์ ร้องไห้ หรือทำงาน แต่ผู้หญิงแบบที่เห็นบ่อยที่สุด คือรูปนางพยาบาล

คุณครูบอกว่าตอนเด็กๆ มะณอยไปโรงพยาบาลบ่อย และไปหลายๆ ที่ จึงไม่น่าแปลกที่ โลกหลากสีของมะณอยจะมีนางพยาบาลซะมากมาย บางรูปนางพยาบาลยิ้ม บางรูปทำหน้าเฉยๆ บางรูปใส่เหล็กดัดฟัน บางรูปมีดอกไม้อยู่บนผม แต่ไม่ว่ารูปไหนๆ นางพยาบาลของมะณอยจะต้องมีแก้มกลมๆ และผมหนาๆ ยืนหน้ายิ้มบ้างหุบบ้างอยู่ในภาพสีสันสดใส สะดุดตา มะณอยคุยกับฉันผ่านภาพของเธอต่อว่าสิ่งที่มักเห็นเป็นประจำในโรงพยาบาล มีทั้งเรื่องราวของนางพยาบาลที่กำลังให้น้ำเกลือคนไข้ เรื่องของพี่ขาเจ็บที่ถือไม้ค้ำยันทั้ง 2 ข้าง หรือเรื่องแปลกๆ อย่างภาพพี่พยาบาลยืนอุ้มชายหนุ่มผูกไท โลกที่สดใสของมะณอยไม่ได้หยุดอยู่แค่ในโรงพยาบาล โลกของเธอค่อยๆ มีผู้คนต่างๆ เข้ามาเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นภาพพี่ๆ นักศึกษาผู้หญิง ที่เธอเจอะเจอตอนเข้าโรงเรียน ภาพหางเครื่องเพลงลูกทุ่งในทีวีที่เธอโปรดปรานจนต้องเปิดทีวีรายการเพลงลูกทุ่งไว้เสมอตอนที่เธอวาดรูป


แม่ของมะณอย เล่าให้ฟังว่ามะณอยชอบวาดรูป และวาดได้ทุกที่ทุกเวลาที่เธอรู้สึกอยากวาด ทำให้ไปไหนมาไหนแม่ต้องพกสี และกระดาษไปด้วยเสมอ ภาพที่วาดถึงแม้จะวาดเสร็จแล้วในวันนี้ แต่เธอมักจะวาดภาพใหม่เติมลงไปในกระดาษแผ่นเดิม หรือบางทีก็ตัดภาพมาแปะเพิ่ม พอวาดเสร็จก็พับเก็บไว้ เพื่อวันใหม่จะได้เอาออกมาวาดอะไรใส่ลงไปอีก ดังนั้นภาพวาดของมะณอยจึงมีรอยยับเพราะมันมักเดินทางไปที่ต่างๆ กับเธอ เพื่อรอให้เจ้าของเติมสีแต้มสันที่สดสวยลงในกระดาษอยู่เรื่อยจนกว่าจะพอใจ

ระหว่างที่ฉันกำลังเพลินไปในโลกหลากสีของเธอ เด็กหญิงมะณอยตัวจริงก็กำลังวิ่งกระโดดไปมาอย่างร่าเริงในห้องแสดงงาน บางทีเธอวิ่งเข้ามากอดฉันถึงเธอจะไม่ได้พูดอะไรออกมาซักคำ แต่ฉันรู้สึกว่าเธอกำลังมีความสุขที่เห็นคนก้าวมาเยี่ยมชมโลกของเธอ ครูบอกว่ามะณอยสื่อสารพูดเป็นประโยคไม่เก่ง แต่รูปวาดที่สื่อถึงโลกธรรมดาๆ ที่สดใสของเธอ ทำให้ฉันอยากบอกกับเธอบ้างว่า ถึงความเป็นออทิสติกจะทำให้เธอไม่สามารถพูดผ่านปากเป็นประโยคได้ถนัดถนี่ แต่เธอก็สามารถคุยกับฉันได้อย่างเสรีบนรูปวาด ขอบคุณที่แต้มโลกสีจางๆ ของฉันในเย็นวันนี้ให้กลายเป็นโลกหลากสีด้วยภาพของเธอ