วันศุกร์ที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๒

สนธยาปรากฏ

by Ninamori

กิตตินันท์ จรรยางาม - ถ่ายภาพ
วิทยุรายงานว่าจะมีพายุจากเมืองจีนเข้าประเทศไทย นั่นประไร ฉันดีใจอากาศจะได้เย็นเสียที.... อันที่จริงฉันรู้สึกตื่นเต้นและเย็นตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วเมื่อเห็นสนธยา ทรัพย์เย็นโดยบังเอิญในนิตยสาร ความรู้สึกเป็นเช่นนี้เสมอตั้งแต่เห็นเขาในนิตยสารก่อนๆ อย่าง สีสัน, life & family, Bangkok Metro, GM Plus, Esquire, ค คน และล่าสุดในนิตยสาร GM กุมภา 52 ที่สัมภาษณ์เขายาวเหยียด นับเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่ยอมโพสท่าถ่ายภาพตามคำเรียกร้องจากผู้ขอสัมภาษณ์ที่เตรียมเสื้อผ้าให้เปลี่ยนเสร็จสรรพ สำหรับฉันใน GM ฉบับนี้เขาดูเท่และเป็นบทสัมภาษณ์ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยลงสื่อ เพราะคนสัมภาษณ์ (เอกศาสตร์ สรรพช่าง และ ธีพิสิฐ มหานีรานนท์) เป็นคอหนังและอ่านฟิล์มไวรัสมาก่อน จึงรู้จักเขามากกว่าสื่ออื่นๆ ที่เคยมาสัมภาษณ์ แม้การสัมภาษณ์ครั้งนี้จะถูกตัดจาก 21 หน้าให้เหลือเพียง 8 หน้าก็ตาม

แต่จากที่ฟังเขาคุยกับจุ๋ม (สุมณฑา สวนผลรัตน์) เขากลับรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควร เขาเป็นเพียงคนตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่ยังไม่มีผลงานอะไร GM น่าจะสัมภาษณ์คนอื่นมากกว่า อย่างเช่น filmsick เป็นต้น เพราะเขารู้สึกว่าตัวเองยังไม่เหมาะที่จะอยู่ตรงนั้น เขายังไม่ได้ทำประโยชน์ให้สังคมเท่าที่ควร ไม่เหมือน filmsick ที่ทุ่มเทกายใจเต็มที่กว่า และมีผลงานสารพัด เขาทั้งอิจฉาและดีใจที่โลกนี้มีคนอย่าง filmsick เขาบอกว่ามนุษย์พันธุ์ filmsick หายากมากอาจเป็นหนึ่งในสิบล้าน ที่สามารถทำอะไรหลายอย่างในเวลาเดียวกัน

ก็จริง...ฉันเห็นด้วยกับเขาเกี่ยวกับชายมากความสามารถผู้นี้ เพราะฉันเองก็เคยได้รับความช่วยเหลือเป็นอย่างดีจาก filmsick ตอนที่แม่ป่วยหนัก แต่ฉันไม่อยากให้เขามองตัวเองแย่แบบนั้น อย่าลืมสิว่าเจ้าสำนักฟิล์มไวรัสไม่ได้เพียงแค่ฉายหนังอย่างเดียว แต่ยังทำหนังสือหนังอีกด้วยตั้ง 11 ปก อย่าลืมสิ กว่าหนังสือแต่ละเล่มจะเสร็จสมบูรณ์มันเหนื่อยแค่ไหน ขนาดฉันเป็นแค่ผู้ช่วยหางอึ่งยังรู้สึกภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในหนังสือเลย แล้วไหนจะเขียนบทความแนะนำศิลปะ วรรณกรรม อีกล่ะ เขานิ่งเหมือนนึกขึ้นได้ เขาฟังแต่ไม่ได้ยินเสียงที่ฉันพูด เขามองแต่ไม่เห็นว่าตัวเองได้ทำประโยชน์ให้คนอื่นแค่ไหน

เข้าใจแล้วล่ะ... อาการของเขาเหมือนคนที่กำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนกำลังใจอย่างหนัก อาจเป็นเพราะจากความเหน็ดเหนื่อยเป็นเวลานาน ประกอบกับปัญหาด้านสุขภาพ ทำให้เขาไม่สามารถทำตามความใฝ่ฝันที่ตั้งใจไว้กว่า 15 ปี เขาตอนนี้ประดุจหนึ่งพายุโหมเข้าใส่และนำพาร่างสู่ทะเลลึก

ฉันไม่อยากให้เขาหยุดความฝันอยู่เพียงแค่นี้ ฉันเชื่ออย่างหนึ่งว่ากำลังใจเป็นสิ่งสำคัญเสมอ ฉันจึงอยากให้เพื่อนๆ ช่วยส่งกำลังใจปลุกระดมให้เขาลุกขึ้นและสานฝันต่อให้สำเร็จลุล่วงด้วยนะคะ

อ่านบทสัมภาษณ์ (บางส่วน) ได้ที่นี่คะ
http://www.gmgroup.in.th/main/home2_book.php?mode=1&group=2&book=2#a